การเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆในภาคใต้ได้เอื้อหนุนให้เกิดการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และมีผลต่อเนื่องให้เกิดความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่เติบโตตามการขยายตัวของหัวเมืองเศรษฐกิจและหัวเมืองท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี กิจกรรมการค้าและการลงทุนที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ในปี 2557 ดังกล่าวข้างต้น กลับชะลอตัวลงจากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นราคาพืชเศรษฐกิจ เช่น ยางพาราและปาล์มน้ำมัน ที่ยังอยู่ระดับต่ำ หรือจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลกระทบให้ภาคธุรกิจหลากหลายสาขาในภาคใต้ชะลอลง ซึ่งรวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการค้าวัสดุก่อสร้าง
การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเกิดขึ้นปลายปี 2558 ผู้รับเหมา SMEs ในภาคใต้จึงควรเร่งหาแนวทางการปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการค้าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งสรุปดังนี้ ผู้ประกอบการควรสร้างและรักษาพันธมิตรธุรกิจ: ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และการค้าวัสดุก่อสร้างในภาคใต้ ควรสร้างและรักษาพันธมิตรทางธุรกิจในภาคใต้และภูมิภาคอื่นๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และสร้างฐานลูกค้าใหม่ในภูมิภาคอื่น โดยอำนวยความสะดวกในการขยายตลาดไปยังพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการ SMEs อาจเจรจาต่อรองค่างานรับเหมาก่อสร้าง/ราคาวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าหรือทำสัญญาล่วงหน้ากับคู่ค้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากที่ราคาวัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้รวมถึงวัสดุก่อสร้างบางรายการที่เป็นสินค้านำเข้าในภาวะที่อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน ซึ่งผู้รับเหมาก็อาจทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ผ่านการซื้อ/ขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า
– ผู้ประกอบการควรรักษาความน่าเชื่อถือทางการเงิน: เนื่องจากประวัติการชำระเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการ SMEs จึงควรรักษาประวัติชำระหนี้ที่มีต่อสถาบันการเงิน ผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง
– ผู้ประกอบการควรพัฒนาแรงงานทั้งระดับบนและล่างให้มีประสิทธิภาพ: ผู้ประกอบการ ควรเริ่มพัฒนาแรงงานทั้งระดับบนและล่างให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านภาษาและฝีมือแรงงานให้ได้ตามมาตรฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาคใต้ ภายหลังการเปิดเสรีตามกรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558
– ผู้ประกอบการควรศึกษากฎระเบียบการลงทุน: สำหรับผู้ประกอบการที่จะลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน ควรศึกษากฎระเบียบและสิทธิประโยชน์ที่มีต่อนักลงทุนต่างชาติให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อนำมาใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจก่อนการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนต่างถิ่น